สำหรับนักขับขี่มือใหม่ที่ยังไม่คุ้นชินกับการอ่านหน้าปัดคอนโซลรถยนต์ คงมีโอกาสได้ประสบปัญหาหลาย ๆ อย่างที่ยากลำบากต่อการขับขี่ไม่น้อย เพราะสัญญาณไฟเตือนที่แสดงบนหน้าปัดเหล่านี้ ต่างมีนัยสำคัญเพื่อบ่งบอกถึงการทำงานของรถยนต์ที่เราควรเข้าใจ หากคุณเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ประสบปัญหาการอ่านสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์อยู่ บทความนี้ช่วยคุณได้!

สัญลักษณ์ที่แสดงบนไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์

ทำความเข้าใจกับสีสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์

ส่งเสริมการขับขี่บนถนนให้ปลอดภัย ด้วยการทำความเข้าใจถึงสีที่แสดงบนสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ เพราะทั้ง 3 สถานะ สีเขียว สีเหลือง และสีแดง ต่างมีความหมายในการบ่งบอกที่แตกต่างออกไป ดังนี้

1. สีเขียว

เริ่มต้นกันที่สถานะไฟสีเขียว สัญลักษณ์ที่แสดงถึงการเปิดใช้งานในฟังก์ชันต่าง ๆ ซึ่งจะแสดงขึ้นเป็นไอคอนของฟังก์ชันนั้น ๆ บนไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดใช้ฟังก์ชันไฟตัดหมอก, การเปิดใช้ระบบควบคุมความเร็วรถให้คงที่ เป็นต้น

2. สีเหลือง

สำหรับสัญญาณไฟสีเหลือง หรือสีส้ม คือสัญญาณเตือนที่จะแสดงขึ้นเมื่อมีการปิดใช้งานฟังก์ชัน หรือต้องการให้ตรวจสอบบางระบบการทำงาน โดยไฟสีนี้ไม่ได้แปลว่าอันตรายจนต้องหยุดขับขี่ แต่หมายถึงให้ระมัดระวัง และเริ่มต้นตรวจสอบเพื่อแก้ไขก่อนเกิดปัญหา เช่น สัญลักษณ์ไฟสีเหลืองบนไอคอนเครื่องยนต์ ที่จะแสดงขึ้นเตือนเมื่อระบบควบคุมมีปัญหา, สัญลักษณ์ ABS เตือนความผิดปกติของระบบเบรก ที่ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ควรมีการตรวจสอบและซ่อมบำรุงในอนาคต รวมไปถึงสัญลักษณ์ถังน้ำมัน ที่เตือนว่าน้ำมันใกล้จะหมด เป็นต้น

3. สีแดง

ปิดท้ายด้วยไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ระดับอันตรายอย่างสีแดง ที่เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อได้เห็นจะต้องหยุดรถ และรีบตรวจสอบระบบที่สัญลักษณ์ไฟขึ้นแจ้งเตือนในทันที เพราะนั่นอาจเหมือนถึงความปลอดภัย รวมไปถึงสวัสดิภาพของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้เลย โดยสัญลักษณ์ที่มักจะขึ้นสีแดงให้เห็นเป็นประจำจะมีทั้ง สัญลักษณ์เตือนพลังงานของแบตเตอรี่รถยนต์ใกล้หมด ควรเช็กและรีบเปลี่ยนใหม่, สัญลักษณ์เตือนเบรกมือ เช่น ลืมปลดเบรกมือ เบรกมือค้าง รวมไปถึงสัญญาณเตือนอื่น ๆ เช่น กาน้ำที่หมายถึงระดับน้ำมันเครื่องต่ำ เทอร์โมมิเตอร์แสดงการเตือนความร้อนของหม้อน้ำ และถุงลมนิรภัยขัดข้อง เป็นต้น

ทำไมต้องเข้าใจสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์?

เพราะสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ เปรียบเสมือน “เสียงร้อง” ของรถ ที่บ่งบอกให้เรารู้ว่ารถกำลังมีปัญหา หรือต้องการการบำรุงรักษา ทำให้การทำความเข้าใจทั้งความหมายของไอคอนบนหน้าปัด และสีของสัญญาณไฟกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ขับขี่ เพื่อที่จะเตรียมพร้อมกับทุกความเสี่ยงจากเหตุขัดข้องของระบบรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังเป็นการป้องกันความเสียหายและประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง จากการขัดข้องที่ทิ้งช่วงระยะเวลาจนกลายเป็นปัญหาลุกลามรถของคุณ

5 สัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ที่ต้องรู้!

เอาใจมือใหม่หัดขับ ด้วยการรวบรวมสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ที่สำคัญและควรรู้มาให้ 5 ไอคอน พร้อมบอกความหมายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ แค่อ่านในบทความนี้ก็พร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝันจากการขัดข้องของรถยนต์เมื่ออยู่บนท้องถนนได้อย่างแน่นอน

เครื่องหมายตกใจที่แสดงบนไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์

1. ไฟเตือนหน้าปัดรถโชว์รูปแบตเตอรี่

เริ่มต้นที่ไอคอนรูปแบตเตอรี่ที่หน้าปัดคอนโซลรถ ตัวแทนสถานะของแบตเตอรี่ โดยจะแจ้งเตือนตามความหมายของไฟเขียว เหลือง และแดง ซึ่งจะบอกถึงความสมบูรณ์ในการทำงานของแบตเตอรี่ หากขึ้นไฟสีเหลืองหรือแดง จึงสามารถตีความหมายได้ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ของคุณอาจกำลังมีปัญหา ระบบไฟฟ้าหรือการจ่ายไฟเข้าแบตเตอรี่ขัดข้อง

หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ให้ทำการหยุดรถและตรวจสอบโดยในทันที ส่วนใครที่ประกันรถยนต์ครอบคลุม ก็สามารถโทรเรียกช่างหรืออู่ซ่อมรถ เพื่อทำการเคลมประกันรถยนต์จากบริษัทประกัน พร้อมเลือกสถานที่ซ่อมได้เลย

2. ไฟเตือนหน้าปัดรถโชว์รูปกาน้ำ

อีกหนึ่งไอคอนที่สำคัญมาก ๆ บนไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ นั่นคือ “กาน้ำ” ที่เป็นตัวแทนของสถานะน้ำมันเครื่องรถยนต์ หากมีไฟที่ไม่ใช่สีเขียวติดบนสัญลักษณ์นี้ เราขอแนะนำให้คุณเปิดไฟเลี้ยว หาที่จอดรถ และทำการดับเครื่องยนต์ทันที เพราะนั่นหมายถึงระบบน้ำมันเครื่องรถยนต์ของคุณกำลังเข้าขั้นวิกฤต จนอาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันได้นั่นเอง

ซึ่งถ้าคุณเจอปัญหานี้ ทันทีที่ดับรถ ให้รีบตรวจสอบดูระดับน้ำมันเครื่องทันที หากใกล้หมดก็ให้เติมจนถึงระดับที่เหมาะสม แต่ถ้าสัญญาณไฟยังคงอยู่หลังแก้ไขไปแล้ว ให้เปลี่ยนไปตรวจสอบการรั่วซึม โดยไปดูที่อ่างน้ำมันเครื่อง ซึ่งถ้าไม่พบว่ามีน้ำมันเครื่องอยู่ก็สามารถตีความได้เลยว่า “รั่ว” แล้วอย่างแน่นอน และถ้าหากคุณมาถึงขั้นนี้แล้ว สิ่งที่ควรทำเป็นลำดับถัดมาคือ การเรียกช่างหรือประกันเพื่อทำการซ่อมแซมได้เลย

3. ไฟเตือนหน้าปัดรถโชว์รูปเครื่องหมายตกใจ (!)

สำหรับไอคอนอัศเจรีย์ หรือเครื่องหมายตกใจ ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ทำเอาไว้บนหน้าปัดคอนโซลเพื่อให้คุณสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน เพราะเครื่องหมายนี้หมายถึงสถานะเบรกที่มีปัญหา! โดยอาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งจากเหตุการณ์เสียการทรงตัวของรถ จนทำให้เบรกเสียการควบคุม ตลอดจนการเกิดสัญญาณไฟกะพริบแบบถี่ ๆ ที่หมายถึงระบบไฟที่มีปัญหา แม้จะขับขี่ต่อได้แต่ก็ต้องระวังให้มากขึ้นในทุก ๆ ระยะทางเหมือนกัน

4. ไฟเตือนหน้าปัดรถโชว์รูปเครื่องยนต์

สำหรับสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์บนไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์นั้น หมายถึงสถานะของปัญหาที่ครอบคลุมทั้งเครื่องยนต์ ที่ต้องรีบแก้ไขก่อนเกิดหายนะครั้งใหญ่จากการขัดข้องของระบบทั้งหมด โดยไฟนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ทั้งสายพานมีปัญหา ค่าออกซิเจนเซนเซอร์ผิดปกติ ตลอดจนตัว ECU มีปัญหา

ดังนั้น คำแนะนำที่ดีที่สุดเมื่อเจอสัญญาณไฟเครื่องยนต์แจ้งเตือน นั่นคือการนำรถไปเข้าอู่หรือศูนย์ซ่อมรถยนต์ เพื่อตรวจสอบปัญหาและให้ช่างแก้ไขอย่างถูกจุด เนื่องจากไม่ใช่ปัญหาที่ผู้ขับขี่จะสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง

ไฟเตือนหน้าปัดรถโชว์รูปเครื่องยนต์

5. ไฟเตือนถุงลมนิรภัยขัดข้อง

ปิดท้ายด้วยสัญญาณไฟเตือนถุงลมนิรภัยขัดข้อง ที่นับได้ว่าเป็นส่วนสำคัญต่อสวัสดิภาพของผู้โดยสาร เพราะถ้าหากไฟส่วนนี้ขึ้นค้างไว้ นั่นหมายความว่าระบบ ECU AIR BAG ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ต้องแก้ไขหรือเปลี่ยนใหม่ก่อนขับขี่ทางไกล แต่ในกรณีที่สตาร์ทรถแล้ว ไฟติด แล้วก็ดับลงไป แสดงว่าระบบดังกล่าวสามารถทำงานได้ตามปกติ ไม่ต้องแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น

หลังจากที่รู้และเข้าใจสัญญาณไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ที่สำคัญกันไปแล้ว อย่าลืมทำ “ประกันรถยนต์” อุ่นใจไว้รับมือกับเหตุไม่คาดคิดบนท้องถนน พร้อมเลือกแผนที่ใช่ได้แล้ววันนี้จาก SOMPO ตามใจ ประหยัดกว่าและครอบคลุมกับแผนประกันรถยนต์ชั้น 2+ เบี้ยราคาประหยัดที่ให้การคุ้มครองเกือบเทียบเท่าประกันชั้น 1 พร้อมความคุ้มอีกต่อ ที่ให้คุณสามารถเลือกระยะเวลาและความคุ้มครองได้ตามใจ โดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัด พร้อมบริการรับแจ้งอุบัติเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลทันทีหากเกิดอุบัติเหตุ สนใจซื้อง่าย ผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย!

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ

ข้อมูลอ้างอิง

  1. FIT Auto – รู้ไว้สำคัญไฉน!? สัญญาณไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ . สืบค้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 จาก https://www.pttfitauto.com/
  2. รู้ไว้ให้ระวัง สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ บอกอะไรคุณ. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 จาก https://safedrivedlt.com/

บทความอื่นๆจากซมโปะ