แก้ไขอย่างไรเมื่อสตาร์ทไม่ติด
คงไม่ดีแน่หากในเวลาเร่งด่วนที่กำลังจะออกจากบ้านกลับเจอปัญหา ‘สตาร์ทรถไม่ติด’ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในรถยนต์ ทำให้เจ้าของรถต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้น การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุที่รถยนต์สตาร์ทไม่ติดในเบื้องต้น เพื่อให้รู้เท่าทันถึงปัญหาและรับมือได้อย่างทันท่วงทีจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เจ้าของรถพิจารณาว่าจะสามารถจัดการปัญหาด้วยตัวเองได้ไหม ด้วยวิธีใด หรือต้องนำรถเข้าศูนย์โดยด่วนที่สุด ซึ่งเราจะพาไปแนะนำกันในบทความนี้

ส่องสาเหตุที่สตาร์ทรถไม่ติด

1. น้ำมันหมด

อาจดูเป็นปัญหาที่น่าขัน แต่การใช้น้ำมันหมดถังเป็นปัญหาที่พบบ่อย ซึ่งเกิดขึ้นได้จริงแม้จะมีไฟเตือนพร้อมเข็มวัดระดับน้ำมันที่ไปอยู่โซนสีแดงแล้ว เพราะหลายคนมักคิดว่ารถจะยังแล่นไปได้อีกไกล จนเมื่อมาจอดค้างไว้ก็กลายเป็นสตาร์ทใหม่ไม่ติดเสียแล้ว เนื่องจากไม่มีเชื้อเพลิงสำหรับเผาไหม้ไว้ใช้เป็นพลังงาน

ซึ่งหลายคนมักคิดว่าถ้าน้ำมันหมด แค่เติมน้ำมันเข้าไปก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว แต่แท้จริงจะต้องไล่ลมในระบบน้ำมันด้วย เนื่องจากหากเชื้อเพลิงหมดเกลี้ยงจนสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด จะทำให้มีอากาศเข้าไปในระบบน้ำมัน จนส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์ จึงต้องคลายปลั๊กเพื่อไล่ลมระบบน้ำมัน จากนั้นให้ใช้มือกดปั๊มหลายครั้งจนรู้สึกมีแรงต้าน แล้วจึงค่อยลองไปสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่อย่างไรก็ตาม ควรหมั่นเติมน้ำมันให้เพียงพอและตรวจสอบระดับน้ำมันเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว

2. แบตเตอรี่เสื่อม

นอกจากน้ำมันแล้ว แบตเตอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งพลังงานจำเป็น เนื่องจากแบตเตอรี่มีหน้าที่เก็บประจุไฟฟ้าเพื่อใช้สตาร์ทรถและจ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ของรถยนต์ ทำให้เมื่อแบตเตอรี่เสื่อม ย่อมส่งผลต่อประจุไฟฟ้า จนส่งผลให้สตาร์ทรถไม่ติด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แบตเตอรี่จะมีอายุใช้งาน 2 ปี โดยเริ่มมีสัญญาณเตือนตั้งแต่การเริ่มสตาร์ทรถให้ติดยากขึ้น ไฟหน้าปัดหรี่ลง รวมถึงระบบไฟฟ้าในรถที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งหากพบว่าแบตเตอรี่มีการเสื่อม หรือหมดอายุ แนะนำให้รีบเปลี่ยนทันที หรือหากเป็นเวลาเร่งด่วนก็อาจต้องพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่นเพื่อนำพลังงานมาใช้ก่อน ดังนั้น การตรวจสอบแบตเตอรี่เมื่อเริ่มมีสัญญาณอาการบ่งชี้จึงเป็นเรื่องที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด

แบตเตอรี่เสื่อม

3. ขั้วแบตเตอรี่สกปรก

ปัญหาจากแบตเตอรี่ไม่ได้มีเพียงการเสื่อมสภาพ แต่ยังสามารถมาจากความสกปรกได้ เนื่องจากขั้วแบตเตอรี่ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแบตเตอรี่กับสายไฟ ทำให้เมื่อขั้วแบตเตอรี่สกปรก คราบสกปรกจะขัดขวางการไหลของกระแสไฟฟ้า ทำให้สตาร์ทรถไม่ติด โดยสามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยการใช้น้ำโซดากับแปรงสีฟันขัดคราบสกปรกออกจากขั้วแบตเตอรี่จนกว่าจะกลับมาสะอาดเหมือนเดิม หากต้องการดูแลไม่ให้ขั้วแบตเตอรี่สกปรกแต่แรกก็ควรตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่เป็นประจำ หมั่นทำความสะอาดทุก 6 เดือน อีกทั้งยังสามารถทาจาระบีที่ขั้วแบตเตอรี่เพื่อป้องกันการเกิดคราบขี้เกลือได้อีกด้วย

ตรวจเครื่องยนต์เมื่อสตาร์ทรถไม่ติด

4. ไดชาร์จเสื่อม

ไดชาร์จ มีหน้าที่แปลงพลังงานกลจากเครื่องยนต์เป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ ซึ่งแบตเตอรี่ทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าภายในรถ ซึ่งแน่นอนว่าหากไดชาร์จเกิดการเสื่อมสภาพ ย่อมส่งผลต่อการชาร์จไฟ โดยสามารถสังเกตอาการของตัวไดชาร์จเวลาใกล้เสื่อมได้เหมือนกับเมื่อแบตเตอรี่เสื่อม คือรถยนต์จะเริ่มสตาร์ทติดยาก ไฟหน้าเริ่มหรี่ แอร์เย็นน้อยลง อุปกรณ์ไฟฟ้าเริ่มทำงานผิดปกติ ซึ่งหากเกิดปัญหานี้แล้วพบว่าไม่ได้เกิดจากแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพ ให้แก้ปัญหาด้วยการนำรถไปที่อู่ หรือศูนย์บริการเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญเปลี่ยนไดชาร์จใหม่

5. ไดสตาร์ทมีปัญหา

ตามปกติแล้วเมื่อสตาร์ทรถไม่ติด หลายคนมักไม่ได้นึกถึงปัญหาไดสตาร์ท เนื่องจากเมื่อเทียบกับชิ้นส่วนอื่นในรถยนต์ ไดสตาร์ทถือเป็นส่วนประกอบที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน สามารถอยู่ได้ถึง 5-7 ปี จึงมักพบปัญหานี้ในรถยนต์ที่ค่อนข้างมีอายุ ซึ่งไดสตาร์ทมีหน้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เป็นพลังงานกลและหมุนเฟืองขับเคลื่อนเครื่องยนต์ให้ทำงานจนสตาร์ทติดได้ หากไดสตาร์ทมีปัญหาจึงไม่สามารถหมุนเฟืองขับเคลื่อนเครื่องยนต์ได้ โดยหากสตาร์ทรถแล้วไฟหน้าปัดหรือส่วนอื่นยังทำงานได้ แต่ไร้เสียงเครื่องยนต์ ก็ให้ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นปัญหาจากไดสตาร์ท ซึ่งควรนำไปตรวจสอบและซ่อมแซมที่อู่ซ่อมรถ หรือศูนย์บริการที่มีผู้เชี่ยวชาญดูแล

6. ปั๊มติ๊กเสีย

เชื่อว่าหลายคนคงไม่รู้จัก หรืออาจจะไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าปั๊มติ๊กคืออะไร เพราะปั๊มติ๊กเป็นระบบเชื้อเพลิงที่พบบ่อยในรถยนต์รุ่นเก่า ซึ่งมีหน้าที่ส่งน้ำมันจากถังน้ำมันไปยังหัวฉีด โดยน้ำมันจะถูกฉีดเข้าห้องเผาไหม้เพื่อจุดเครื่องยนต์ หากปั๊มติ๊กเสียจะทำให้ขาดน้ำมันไปเลี้ยงเครื่องยนต์ อาจส่งผลให้รถดับกลางทาง ทำให้รถยนต์มีอาการสตาร์ทไม่ติดได้ โดยมักเกิดจากการที่เจ้าของรถชอบปล่อยให้ไฟสัญญาณเตือนน้ำมันหมดแสดงอยู่เป็นประจำ ทำให้ปั๊มติ๊กดูดอากาศเข้ามาแทนที่น้ำมัน จนเกิดความเสียหาย ทำให้ต้องเข้ารับการซ่อมแซมที่อู่หรือศูนย์บริการในที่สุด การป้องกันจึงสามารถทำได้ด้วยการหมั่นตรวจสอบปริมาณน้ำมันในตัวถังเสมอว่าเพียงพอและเหมาะสมต่อการใช้งานหรือไม่

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงพอทราบแล้วว่า ปัญหาบางส่วนอาจแก้ไขไม่ได้ในทันที แม้จะสามารถตรวจสอบเองได้ แต่ยังต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ หรือช่างชำนาญการ ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียเวลาและเงินจำนวนมาก อยากหมดห่วงเรื่องกังวลเมื่อสตาร์ทรถไม่ติด ต้องเลือกประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ ช่วยดูแล เพราะมีประกันรถยนต์ชั้น 1 และประกันชั้น 2+ แบบรายวันให้สามารถเลือกซื้อได้ ไม่ว่าจะใช้รถ 1 วัน หรือ 7 วัน ก็เลือกระยะเวลาและความคุ้มครองได้ตามใจ โดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัด พร้อมบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลทันทีหากรถเกิดเสีย สนใจซื้อง่าย ผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย!

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ

ข้อมูลอ้างอิง

  1. “รถสตาร์ทไม่ติด” เปิด5ตัวการหลักทำเดือดร้อน! . สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 จาก https://www.dailynews.co.th/

บทความอื่นๆจากซมโปะ