sompo-tamjai-เครื่องเบนซินล้วนกับเครื่องยนต์Hybridยังน่าใช้ไหม

ปัจจุบันตัวเลือกรถยนต์ในท้องตลาดประเทศไทยมีตัวเลือกให้เลือกเยอะขึ้นมาก ๆ ทั้งเครื่องยนต์ ดีเซล ( Diesel ) เบนซิน ( Petrol ) เครื่องยนต์ ไฮบริด ( hybrid electric vehicle ) และ รถไฟฟ้าล้วน ( Electric Vehicle ) หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคนพูดว่า ยุคนี้แล้ว ต้องซื้อรถไฟฟ้าสิ ซื้อรถยนต์น้ำมันอีกทำไม ซึ่งเราเข้าใจปัญหานี้ เพราะ หลาย ๆ คนมีปัจจัยหรือ เหตุผล ที่ยังไม่พร้อมใช้รถยนต์ไฟฟ้า  100% ปัจจัยหลัก ๆ จะกังวงเรื่อง เวลาการชาร์จ บางคนอาจจะอยู่ คอนโด ซึ่งยังไม่มีรองรับที่ชาร์จไฟ ก็จะยังคงมองเป็น รถยนต์ เบนซินล้วน และ รถยนต์ ไฮบริด วันนี้ ซมโปะ จะมาเล่าความแตกต่างระหว่าง 2 เครื่องยนต์นี้ เพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจของเพื่อน ๆ ในการมองหารถยนต์คู่ใจ ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกับการทำงานของเครื่องยนต์ ทั้งสองแบบก่อน

เครื่องยนต์ เบนซินล้วน ( สันดาปภายใน )

การทำงานของเครื่องยนต์ จะเป็นการเผาไหม้เพื่อส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ไปที่ล้อในทันทีเพื่อขับเคลื่อน แต่บางคันอาจจะใช้อุปกรณ์ช่วยอัดอากาศทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้นไปอีก เช่น เทอร์โบชาร์จ เข้ามาเพื่อเพิ่มความแรงกับเครื่องยนต์ แต่ปัจจุบันนั้น ผู้ผลิตรถยนต์หลาย ๆ ราย เริ่มที่จะทำการ Engine downsizing ( ลดความจุของเครื่องยนต์เพื่อทำให้ประหยัดน้ำมัน ) เพื่อคาดหวังที่จะลดมลภาวะ และ ลดอัตราการกินน้ำมัน

sompo-tamjai-เครื่องยนต์สันดาป

เครื่องยนต์ Hybrid ในท้องตลาดรถญี่ปุ่นในบ้านเรา จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน

1. Full Hybrid หรือที่เรียกกันว่า Parallel Hybrid
คือ ระบบที่เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถปั่นไฟได้ด้วยการใช้เครื่องยนต์ชาร์จไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่ และ ข้อดีของ Full Hybrid นี้คือมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถช่วยขับเคลื่อนได้ตั้งแต่ออกตัว จนถึงความเร็วสูง และระบบนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องที่จะต้องเสียบสายชาร์จเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกที่จะต้องเสียบชาร์จ เช่น พักอาศัยอยู่ คอนโด หรือ Apartment ระบบนี้จะสามารถวิ่งโดยใช้ระบบไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 5-10 กิโลเมตร

sompo-tamjai-Mild-Hybrid-จะมีขนาดเล็ก

2. Mild Hybrid (MHEV)
คือ ระบบที่เครื่องยนต์ปั่นไฟให้กับแบตเตอรี่ และ มอเตอร์ไฟฟ้าก็สามารถขับเคลื่นตัวรถยนต์ได้เช่นกัน โดย Mild Hybrid นั้นจะไม่สามารถใช้แบตเตอรี่ขับเคลื่อนพร้อมกับเครื่องยนต์ได้ เพราะว่า ระบบ Mild Hybrid จะมีแบตเตอรี่ขนาดเล็ก และทำหน้าที่เสริมกำลังในตอนออกตัว หรือตอนที่จอดติดไฟแดง และเครื่องยนต์ดับลง Mild Hybrid จะทำหน้าที่ปั่นให้แอร์ทำงานได้ เพื่อที่เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงาน

sompo-tamjai-Plug-in-Hybrid-สามารถเสียบชาร์จได้

3. Plug-in Hybrid (PHEV)
ระบบเครื่องยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ก็คือเครื่องยนต์แบบ Hybrid ที่ออกแบบให้สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จได้ ระบบนี้มีข้อดีที่ว่า จะลดภาระของเครื่องยนต์ที่จะมาช่วยปั่นไฟให้กับแบตเตอรี่ แต่ Hybrid ชนิดนี้ ควรที่จะเสียบชาร์จเพื่อรักษาปริมาณแบตเตอรี่ เพราะระบบ Hybrid ประเภทนี้มีขนาดแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างใหญ่ ในรถบางรุ่นแบตเตอรี่มีขนาดที่ใหญ่กว่ารถยนต์ไฟฟ้าเสียอีก การที่ไม่หมั่นที่จะเสียบชาร์จและปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือน้อยอยู่ตลอดเวลาจะทำให้เครื่องยนต์นั้นทำงานหนักอยู่ตลอดเพื่อนำกำลังเครื่องยนต์มาช่วยปั่นไฟ อาจจะทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งจะเป็นการแบกน้ำหนักของแบตเตอรี่โดยที่ไม่ได้ใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด ( hybrid electric vehicle )

อัตราการประหยัดน้ำมัน
สิ่งที่หลาย ๆ คนสนใจก่อนที่จะจับจอง ซื้อรถยนต์ คันใหม่ก็คือ รถยนต์คันนี้ ประหยัดน้ำมันเท่าไหร่ ? ซึ่งคำตอบง่าย ๆ เลย รถยนต์ ไฮบริด ประหยัดน้ำมันกว่าแน่นอน เพราะว่า เทคโนโลยีในเครื่องยนต์ บางส่วนจะถูกออกแบบมาใหม่และปรับจูนจากโรงงานมาเพื่อประหยัดน้ำมันอยู่แล้ว และ ยิ่งพ่วงกับ มอเตอร์ Hybrid จะยิ่งทำให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ให้เพื่อน ๆ ลองนึกภาพว่ารถติดอยู่แยก อโศกมนตรี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ถ้ารถของเพื่อน ๆ เป็นเครื่องยนต์เบนซินล้วน จะต้องติดเครื่องยนต์ เพื่อปั่นกำลังไฟให้แอร์และส่วนอื่น ๆ ของรถให้ทำงานตลอด 1 ชั่วโมง แต่กับรถยนต์ ไฮบริด ( Hybrid ) ที่พอปั่นไฟให้แก่แบตเตอร์รี่จนพอแล้วก็จะดับเครื่องยนต์ลง แล้วใช้ไฟฟ้า เพื่อปั่นให้แอร์ทำงาน และเลี้ยงส่วนอื่น ๆ ของรถหากเพื่อน ๆ ยังไม่เห็นภาพ เราได้นำอัตราบริโภคน้ำมัน ของรถ Toyota Camry ปี 2023 ซึ่งเป็นรถรุ่นเดียวกัน ที่มีพื้นฐาน เครื่องยนต์สันดาบภายใน และ เครื่องยนต์ ไฮบริดมา ( Hybrid ) เทียบให้เห็นชัด ๆ จาก เว็ปไซต์ ECO Sticker ที่ทำการทดลองมาให้แล้ว

sompo-tamjai-เปรียบเทียบอัตราการกินน้ำมัน

จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า รถยนต์ที่ใช้เครื่อง ไฮบริด ( Hybrid ) จะประหยัดกว่าเครื่องยนต์ สันดาปภายใน อย่างชัดเจนมาก ๆ

สมรรถนะการขับขี่
รถยนต์ ไฮบริด ( Hybrid ) จะมีข้อดีในการออกตัว เพราะจะมี มอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยดึงรถให้พุ่งทยานไปข้างหน้าแบบไม่ต้องรอรอบเหมือนเครื่องยนต์สันดาปล้วน ทำให้การออกตัว หรือเร่งแซง จะมีพลังมากกว่า และในรถยนต์บางรุ่นนั้น ช่วงล่างจะถูกปรับเพื่อรองรับกับน้ำหนักแบตเตอร์รี่ ทำให้ช่วงล่างดีขึ้นจากรุ่นสันดาปล้วนอีกด้วย และการเก็บเสียงในห้องโดยสารก็อาจจะทำได้ดีกว่าเช่นกัน

เทคโนโลยีความปลอดภัย หรือ ความอำนวยความสะดวกสบาย

หากเพื่อน ๆ เคยเปรียบเทียบและ อ่าน Spec Sheet ของรถยนต์ที่สนใจดูแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า รถยนต์ที่ใช้ เครื่องยนต์ ไฮบริด จะมีออพชั่นความปลอดภัยที่มากกว่า รถยนต์สันดาปล้วนมาก ๆ ด้วย เทคโนโลยีจากทางผู้ผลิตที่อยากให้ ลูกค้าซื้อรถที่เป็น เครื่อง ไฮบริด มักจะให้ออพชั่นความปลอดภัย เช่น ระบบ Adaptive Cruise Control, ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ, หรือแม้กระทั่งระบบ ความสะดวกสบายในรถยนต์ ที่ดึงดูดให้ลุกค้ามาซื้อรุ่น ไฮบริดมากว่า เครื่องสันดาป

ข้อเสียของรถยนต์ไฮบริด

1.เครื่องยนต์ Hybrid ยังเป็นเทคโนโลยีที่ยังค่อนข้างที่จะใหม่ ราคาของต้นทุนการผลิตรถยนต์ยังจะมีราคาสูงกว่า เครื่องสันดาปภายใน แต่ในปัจจุบันราคาของรถยนต์รุ่นที่เป็น Hybrid มีราคาต่ำลงมากว่า ยุคที่เริ่มเปิดตัวมาก ๆ แล้ว

2.การบำรุงรักษาของรถยนต์ Hybridนั้นจะแตกต่างจากรถยนต์เครื่องสันดาปล้วน และ รถยนต์ไฟฟ้าล้วนตรงที่ต้องคอยบำรุงรักษาทั้งสองระบบ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามากกว่า รถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนอยู่ระบบเดียว แต่ ณ ปัจจุบัน เริ่มมีอู่ข้างนอกที่เริ่มเปิดรับกับระบบนี้แล้วพอสมควร ทำให้ค่าบำรุงรักษารถยนต์ระบบ Hybrid นั้นไม่น่ากลัวเท่าเมื่อก่อนที่ระบบนี้ยังมาใหม่ๆ

3.เนื่องจากรถยนต์ Hybrid นั้นถูกคิดมาเพื่อใช้ให้ประหยัดน้ำมัน และยืดอายุการใช้งานของชุดมอเตอร์ และแบตเตอรี่ ไม่ให้มีความร้อนที่สูงเกินไป ฉะนั้น ความเร็วสูงสุดของรถยนต์ hybrid อาจจะถูกจำกัดไว้ต่ำกว่ารถยนต์เครื่องสันดาป

รถยนต์ในยุคปัจจุบัน แทบจะทุกรุ่นมีระบบความปลอดภัยเพื่อช่วยชีวิตผู้ขับขี่ดีอยู่แล้ว แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีประกันรถยนต์ที่ คุณเลือกปรับได้ ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นวงเงินความคุ้มครองรถ ค่ารักษาพยาบาล หรือว่าจะซื้อเป็นความคุ้มครองเสริมได้ ไม่ว่าจะเป็น เงินชดเชยค่าเดินทางกรณีรถชนรถ หรือ โจรกรรมทรัพย์สินในรถ ก็สามารถเลือกปรับได้ กับประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ

บทความอื่นๆจากซมโปะ