ถ้าเปรียบรถสักคันเป็นอาหารสักมื้อ เครื่องยนต์ก็คงเหมือน Main Dish ที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอย ส่วนยางรถยนต์ก็คงไม่ต่างจากออเดิร์ฟ ที่คนชอบมองข้าม แต่จานหลักจะอร่อยไม่ได้เลยหากขาดอาหารเรียกน้ำย่อยจานนี้ ดังนั้น หากต้องการขับขี่บนถนนอย่างปลอดภัย นอกจากจะมีเครื่องยนต์ที่ดีแล้ว การเลือกใช้ประเภทยางรถยนต์ให้เหมาะสมก็สำคัญไม่แพ้กัน บทความนี้จึงจะมาแนะนำยางรถยนต์ประเภทต่าง ๆ พร้อมบอกวิธีเลือกใช้งานให้ตอบโจทย์แบบเสร็จสรรพ ติดตามได้เลย

ประเภทยางรถยนต์ ยางถนน (Highway Terrain)

ยางถนน (Highway Terrain)

ยางถนน (Highway Terrain) หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า HT เป็นยางรถยนต์ประเภทที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นยางที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานบนถนนทั่วไปเป็นหลัก ดอกยางของยาง HT จะมีขนาดเล็ก เรียบ และละเอียด เน้นให้ตัวดอกยางสัมผัสกับพื้นถนนให้ได้มากที่สุด เพื่อช่วยในการยึดเกาะถนนและระบายน้ำได้ดี ส่งผลให้มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีบนถนนแห้งและถนนเปียก

นอกจากนี้ ยาง HT ยังเป็นประเภทยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติในการรีดน้ำได้ดี ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเหินน้ำ (Hydroplaning) ขณะขับขี่บนถนนเปียกอีกด้วย ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

ยางออฟโรด (All Terrain)

อีกหนึ่งประเภทยางรถยนต์ที่นักขับควรทราบก็คือ ยางออฟโรด (All Terrain) โดยเป็นยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้ขับขี่บนสภาพถนนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนเรียบ ถนนลูกรัง ถนนกรวด ถนนโคลน หรือแม้แต่ถนนหิมะ ยางออฟโรดจึงมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากยางรถยนต์ทั่วไป ดังนี้

  • ยางออฟโรดจะมีดอกยางขนาดใหญ่และลึก เพื่อช่วยในการยึดเกาะถนนในทุกสภาพพื้นผิว ดอกยางขนาดใหญ่ยังช่วยในการระบายน้ำได้ดี จึงช่วยลดอาการไถลบนถนนเปียก
  • แก้มยางของยางออฟโรดจะมีความหนาและแข็งแรงกว่ายางรถยนต์ทั่วไป เพื่อป้องกันความเสียหายจากการกระแทกหรือเสียดสีกับสิ่งกีดขวาง
  • ยางออฟโรดจะมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่ายางรถยนต์ทั่วไป เพื่อให้ทนทานต่อการใช้งานในสภาพที่สมบุกสมบัน

ดังนั้น ยางออฟโรดจึงเป็นประเภทยางรถยนต์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบลุย ๆ หรือผู้ที่ต้องขับขี่รถในสภาพถนนที่หลากหลาย เนื่องจากยางออฟโรดจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น

ยางสปอร์ต (Performance)

หากคุณคือนักขับที่ชอบใช้งานรถอย่างเต็มสมรรถนะ ยางสปอร์ต (Performance) คือประเภทยางรถยนต์ที่เหมาะสำหรับคุณ เพราะนี่คือยางที่ออกแบบมาเพื่อรถสปอร์ตหรือรถสมรรถนะสูง โดดเด่นด้วยคุณสมบัติในการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก ช่วยให้รถสามารถตอบสนองต่อการบังคับเลี้ยวได้อย่างฉับไวและแม่นยำ เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

ยางสปอร์ตมีการออกแบบดอกยางที่มีลักษณะเฉพาะตัว เพื่อช่วยในการยึดเกาะถนน โดยดอกยางจะมีความลึกและมีความถี่ในการเรียงตัวของดอกยางสูง ช่วยให้ยางสามารถสัมผัสกับพื้นผิวถนนได้มากขึ้น ส่งผลให้มีแรงเสียดทานที่สูงขึ้น เพิ่มการยึดเกาะถนน

นอกจากนี้ ยางสปอร์ตยังมีโครงสร้างยางที่แข็งแรง ทนทานต่อแรงกดทับสูง ช่วยให้ยางสามารถรองรับน้ำหนักและแรงบิดของเครื่องยนต์ได้ดี ทำให้สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ยางสปอร์ตเป็นประเภทยางรถยนต์ที่มีราคาสูงกว่ายางทั่วไป แต่ก็แลกกับการเพิ่มความปลอดภัยและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า

ยาง Radial

ยาง Radial ถือเป็นอีกหนึ่งประเภทยางรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยมีลักษณะโครงสร้างที่แตกต่างจากยางแบบเดิมอย่างยางผ้าใบ โดยชั้นผ้าใบของยาง Radial จะอยู่ในแนวตั้งฉากกับเส้นรอบวงของยาง ทำให้เกิดมุมตัดกันเป็นตาราง ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและแข็งแรงให้กับยาง ด้วยเหตุนี้ ยาง Radial จึงเป็นประเภทยางรถยนต์ที่มีข้อดีหลายข้อ ดังต่อไปนี้

  • ดอกยางที่ออกแบบมาเพื่อกระจายแรงกดลงบนพื้นผิวถนนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ยึดเกาะถนนได้ดี โดยเฉพาะเวลาเข้าโค้งหรือใช้ความเร็วสูง
  • โครงสร้างที่แข็งแรงกว่ายางแบบเดิม จึงทนทานต่อการเสียดสีและใช้งานได้นานกว่า
  • ยาง Radial มีน้ำหนักเบากว่ายางแบบเดิม จึงช่วยลดแรงต้านทานในการเคลื่อนที่ ทำให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น

ประเภทยางรถยนต์ ยาง Radial

ยาง Run-Flat

ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งประเภทยางรถยนต์ที่นักขับควรรู้จัก และถือว่าเป็นยางที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยในยุคนี้ นั่นก็คือ “ยาง Run-Flat” โดยยางประเภทนี้ถูกพัฒนาเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้ แม้จะไม่มีแรงดันลมภายในยาง ดังนั้น เมื่อยางเกิดการรั่วซึมก็ยังคงสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ต่างกับยางประเภทอื่น ๆ ที่ไม่สามารถรับน้ำหนักของตัวรถได้เมื่อเสียความดันลมยาง

ยาง Run-Flat มีลักษณะพิเศษที่แก้มยางและโครงสร้างภายในที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ยางหลุดออกจากขอบล้อเมื่อสูญเสียแรงดันลมยาง โดยโครงสร้างภายในของยาง Run-Flat นั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • ยาง Run-Flat แบบแก้มแข็ง (Rigid Sidewall): แก้มยางจะมีความแข็งเป็นพิเศษ สามารถรองรับน้ำหนักของตัวรถและแรงกระแทกได้โดยไม่เปลี่ยนรูป
  • ยาง Run-Flat แบบเสริมแรง (Self-Supporting): แก้มยางจะมีโครงสร้างเสริมพิเศษ เช่น โครงเหล็กหรือวัสดุอื่น ๆ ที่ช่วยรองรับน้ำหนักของตัวรถและแรงกระแทก

การใช้ประเภทยางรถยนต์ที่เหมาะสมย่อมทำให้การขับขี่ปลอดภัย แต่ถ้าอยากอุ่นใจขึ้นอีกระดับ ขอแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาคุ้มค่ากับ SOMPO ตามใจ ซื้อง่ายผ่าน LINE หรือเว็บไซต์ ให้คุณอุ่นใจทุกครั้งที่ขับขี่ เลือกปรับเปลี่ยนวงเงินความคุ้มครองได้เองทั้งหมด คุณจึงเลือกรับความคุ้มครองได้คุ้มกว่าและตรงใจมากกว่าการเลือกจากแผนประกันทั่ว ๆ ไป

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ

บทความอื่นๆจากซมโปะ