รถยนต์ที่ติดตั้งไฟตัดหมอก

 

หากพูดถึงหนึ่งอุปกรณ์ไฟส่องสว่างสำคัญสำหรับตัวรถ หลายคนจะนึกถึงไฟหน้าหรือไฟท้าย แต่ “ไฟตัดหมอก” ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะเป็นตัวช่วยให้ขับขี่ได้ปลอดภัยและเพิ่มทัศนวิสัยในช่วงที่มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละออง แต่หากใช้ผิดสถานการณ์ การเปิดไฟตัดหมอกจะรบกวนการขับขี่รถคันอื่นได้ ในบทความนี้จะพาไปรู้ 3 เรื่องสำคัญเกี่ยวกับไฟตัดหมอก เพื่อให้ใช้งานได้อย่างเหมาะสม

ไฟตัดหมอก อุปกรณ์เพิ่มทัศนวิสัยที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ขับขี่

ไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของไฟหน้ารถ โดยปกติแล้วจะมีลักษณะเป็นดวงเล็ก ล้อมรอบด้วยกรอบสีเหลืองหรือสีส้ม เป็นอุปกรณ์เสริมที่มักจะติดตั้งมากับรถยนต์ สำหรับทำหน้าที่ส่องสว่างในแนวราบระนาบไปกับพื้น เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นสิ่งกีดขวางบนท้องถนนได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกหนักหรือหมอกหนา

ไฟตัดหมอกแตกต่างจากไฟหน้ารถอย่างไร?

ไฟตัดหมอกและไฟหน้ารถเป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนตัวรถเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน สำหรับไฟหน้ารถมักติดตั้งอยู่ที่กันชนหน้าทั้งสองข้าง มีลักษณะแสงไฟกระจายตัว เพื่อให้สามารถมองเห็นสิ่งกีดขวางที่อยู่ไกลออกไปได้

ส่วนไฟตัดหมอกมักติดตั้งอยู่ในส่วนล่างสุดของกันชนหน้า จำนวน 2 ดวง (ในบางรุ่นอาจมีติดที่กันชนหลัง) มีลักษณะแสงไฟสว่างกว่าไฟหน้ารถ เนื่องจากเป็นไฟที่ออกแบบมาเพื่อส่องสว่างในระยะใกล้และไกลอย่างมีประสิทธิภาพ

 

รถยนต์เปิดไฟตัดหมอก

 

การใช้งานไฟตัดหมอกที่เหมาะสม

ไฟตัดหมอกได้รับการออกแบบมาให้ใช้ในกรณีทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลง ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นสิ่งกีดขวางบนท้องถนนได้ชัดเจนขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยควรเปิดใช้ไฟตัดหมอกในกรณีต่าง ๆ ดังนี้

  • ในกรณีขับขี่ตอนกลางคืน ในที่มีแสงน้อยหรือถนนที่ไม่มีไฟข้างทาง
  • ในกรณีฝนตกหนักมาก ควรจอด หากจำเป็นต้องขับขี่ต่อ ควรเปิดไฟตัดหมอก เพื่อให้เห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจนขึ้น
  • ในกรณีหลังฝนหยุดตกหรือตอนที่ถนนยังเปียกอยู่ แสงไฟตัดหมอกจะส่องขนานพื้น ช่วยลดการสะท้อนของแสงไฟจากพื้นถนน
  • ในกรณีหมอกลงจัด สำหรับการขับขี่ขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวมักจะมีหมอกมากกว่าปกติ
  • ในกรณีฝุ่นควันหนามองเห็นได้น้อยกว่า 50 เมตร จนบดบังทัศนวิสัยการขับรถ

 

รถยนต์เปิดไฟตัดหมอกเพราะฝนตกหนักมาก

 

ข้อควรระวังในการใช้ไฟตัดหมอก

ไฟตัดหมอก เป็นไฟที่มีความสว่างมาก ต้องใช้อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ หากใช้ผิดประเภท ผิดเวลา อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ โดยมีข้อควรระวังในการใช้ดังนี้

  • ห้ามเปิดใช้งานในสภาพอากาศปกติ อาจทำให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นมองไม่เห็นรถคันหน้าได้
  • ห้ามเปิดไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อ หากไม่ได้อยู่ในกรณีจำเป็นต้องใช้
  • ห้ามเปิดไฟตัดหมอกร่วมกับไฟหน้า
  • ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีเมื่อมีรถยนต์คันอื่นสวนทางมา

เปิดไฟตัดหมอกอย่างไรให้ไม่ผิดกฎหมาย

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11 ระบุการใช้งานไฟตัดหมอกไว้ว่า จะเปิดหรือใช้แสงสว่างได้ต่อเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาวะที่มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละออง จนเป็นอุปสรรคอันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถ และต้องไม่มีรถอยู่ด้านหน้า หรือสวนมาในระยะของแสงไฟ หรือในระยะ150 เมตร โดยสามารถใช้หลอดไฟแสงขาว หรือแสงเหลืองที่มีกำลังไฟดวงละไม่เกิน 55 วัตต์เท่านั้น

หากมีการใช้ไฟตัดหมอกที่ไม่เป็นไปตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนด มีความผิด ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 500 บาท

โดยสรุปแล้ว ไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ควรเปิดใช้งานเฉพาะในช่วงทัศนวิสัยการขับขี่ไม่ดี เช่น ในเวลากลางคืนที่มีแสงสว่างน้อย หรือในวันที่สภาพอากาศไม่เป็นใจ เช่น มีหมอกลง ฝนตกหนัก และควรเปิดใช้งานอย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

นอกจากการใช้ไฟตัดหมอกในสถานการณ์ที่เหมาะสมแล้ว เราควรเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ได้แบบไม่ต้องออกเงินค่าซ่อม ค่ารักษาพยาบาลเอง กับการทำประกันรถยนต์แบบรายเดือน SOMPO ตามใจ พร้อมดูแลคุณตลอดการขับขี่บนท้องถนน การันตีราคาไม่แพง เริ่มเช็กราคาและซื้อผ่านทางออนไลน์ได้เลย!

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Fog lights and when to use them สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 จาก https://www.autoexpress.co.uk
  2. กฎหมายน่ารู้ ตอนที่ 497 : ใช้ไฟตัดหมอกผิดวิธี โดนปรับนะรู้ยัง? สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 จาก https://www.moj.go.th/
  3. เลิกข้องใจ! ไฟตัดหมอกจำเป็นไหมสำหรับรถยนต์ทั่วไป ไฟตัดหมอกแบบไหนผิดกฎหมาย. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 จาก https://www.thairath.co.th/
  4. ไฟตัดหมอก จำเป็นไหม มีประโยชน์อย่างไรบ้าง สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 จาก https://car.kapook.com/

บทความอื่นๆจากซมโปะ