การเคลือบแก้วรถยนต์

สำหรับเจ้าของรถมือใหม่ป้ายแดง การดูแลรถให้ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอและไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ มากวนใจ คงเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรที่ทำเป็นประจำ แต่อุบัติเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้เกิดรอยเหล่านี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งเคล็ดลับดูแลรักษารถยนต์อย่างการเคลือบแก้ว เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยดูแลผิวรถให้ดูเหมือนใหม่ได้เสมอ แต่ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจเรื่องการเคลือบแก้วรถยนต์ว่าคืออะไร มีประเภทไหนบ้าง พร้อมรู้ถึงข้อดีจากการเคลือบแก้ว

เคลือบแก้ว (Glass Coating) คืออะไร?

การเคลือบแก้วรถยนต์ คือ การเคลือบชั้นผิวของสีรถยนต์ด้วยน้ำยาสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของ ซิลิกา (Silica) ซึ่งเป็นสารประกอบของ Quartz หรือผลึกแก้ว มาเพิ่มความหนาให้ชั้นผิวรถในลักษณะชั้นฟิล์มแก้ว โดยเราสามารถเลือกระดับความหนาของชั้นเคลือบได้ตามต้องการ ตั้งแต่ 1-9 H ซึ่ง 9H คือสูงสุด

การเคลือบแก้วรถยนต์ เปรียบเสมือนเกราะป้องกันผิวรถอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งอยู่บนแล็กเกอร์และสีของรถยนต์เรา ช่วยปกป้องผิวรถจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ และทำให้รถดูเงางามเหมือนใหม่ได้เสมอ

ประเภทของการเคลือบแก้วรถยนต์

1. การเคลือบแก้วแบบพ่น

การเคลือบแก้วแบบพ่น เป็นวิธีการเคลือบแก้วที่ได้มาตรฐาน โดยใช้เครื่องพ่นน้ำยาเคลือบแก้วให้ทั่วทั้งคันรถ มีข้อดีคือ ใช้เวลาในการทำไม่นาน ละอองสารพ่นขนาดเล็กสามารถเกาะเป็นผลึกได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุม โดยไม่ต้องเช็ด และไม่ทิ้งคราบใด ๆ สามารถทำได้กับรถทุกประเภท แต่ข้อจำกัดคือ เป็นวิธีที่สิ้นเปลืองน้ำยาเคลือบแก้ว และอาจมีความเสี่ยงต่อการได้ระดับความหนาที่ไม่สม่ำเสมอ

2. การเคลือบแก้วแบบทา

การเคลือบแก้วแบบทา เป็นวิธีการเคลือบแก้วแบบดั้งเดิม ที่ได้รับความนิยม โดยก่อนทาสารเคลือบแก้ว ต้องมีขั้นการปรับผิวสีรถให้พร้อมก่อน จากนั้นจึงใช้ฟองน้ำหรือแปรงทาน้ำยาเคลือบแก้วให้ทั่วทั้งคันรถ มีข้อดีคือ น้ำยาเคลือบแก้วจะเกาะติดกับพื้นผิวรถได้อย่างแน่นหนา ส่งผลให้อายุการใช้งานของเคลือบแก้วยาวนาน แต่ข้อจำกัดคือ เป็นวิธีที่ต้องอาศัยความชำนาญในการทาสารเคลือบให้มีความหนาที่เหมาะสม จึงใช้เวลาในการทำนานกว่าการเคลือบแก้วแบบพ่น

5 เหตุผลดี ๆ สำหรับการดูแลรักษารถยนต์ด้วยการเคลือบแก้ว

  1. เพิ่มความเงางาม : การเคลือบแก้วช่วยเพิ่มความเงางามของรถยนต์ได้ เนื่องจากสารเคลือบแก้วจะมีส่วนผสมของซิลิกา (Silica) ซึ่งมีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงได้ดี ทำให้สีรถดูเงางามและดูใหม่อยู่เสมอ
  2. ลดรอยขีดข่วน : สารเคลือบแก้วจะช่วยเคลือบชั้นสีรถไว้ ทำให้รอยขีดข่วนต่าง ๆ เช่น หินกรวด กิ่งไม้ ขนสัตว์ เกิดได้ยากขึ้น
  3. สีผิวรถไม่ซีดจาง : สารเคลือบแก้วจะช่วยดูดซับรังสียูวีจากแสงแดด ทำให้สีรถไม่ซีดจาง ช่วยให้สีรถคงความสดใสได้ยาวนานขึ้น
  4. ป้องกันสิ่งสกปรก : สารเคลือบแก้วจะช่วยเคลือบชั้นสีรถไว้ ทำให้น้ำและฝุ่นละอองเกาะติดได้ยากขึ้น ทำให้การทำความสะอาดรถง่ายขึ้น
  5. ยืดอายุการใช้งาน : สารเคลือบแก้วรถยนต์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2-5 ปี จึงช่วยลดปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ คราบฝุ่น และสีซีดจากแสงแดด ได้ยาวนาน ทำให้ผิวรถเงางามเหมือนรถใหม่ตลอดเวลา

สำหรับการดูแลผิวรถที่ผ่านการเคลือบแก้วให้อยู่ได้นาน นอกจากขึ้นอยู่กับคุณภาพของสารเคลือบแก้วแล้ว การมีวิธีดูแลรักษาอย่างเหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการล้างรถด้วยน้ำแรง ๆ หลีกเลี่ยงการขัดถูรถแรง ๆ และหลีกเลี่ยงการจอดรถในบริเวณที่มีสารเคมีต่าง ๆ เป็นต้น ก็ส่งผลให้การเคลือบแก้วรถยนต์อยู่ได้นานกว่า 5 ปีได้

เคลือบแก้วรถยนต์ทำให้ผิวรถเงางาม

การเลือกบริการเคลือบแก้วรถยนต์ ที่มีราคาคุ้มค่า

ในปัจจุบันบริการเคลือบแก้วมีตั้งแต่ราคาหลักพัน ถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับขนาดของรถและคุณภาพของสารเคลือบแก้ว โดยมีหลักสำคัญในการเลือกพิจารณาสถานที่ให้บริการดังนี้

  • ช่างเคลือบแก้วควรมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการเคลือบแก้วรถยนต์ เพื่อให้การเคลือบแก้วเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
  • สารเคลือบแก้วควรมีคุณภาพสูง เพื่อให้สามารถปกป้องสีรถได้ยาวนาน
  • สถานที่ให้บริการควรมีการรับประกันการเคลือบแก้ว เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับความคุ้มครองหากเกิดปัญหา
  • เลือกสถานที่ที่มีราคาเหมาะสมกับคุณภาพของบริการ

การดูแลรถยนต์ให้ดูเหมือนใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก นอกจากนี้ ตามมาดูข้อมูลการดูแลรักษารถยนต์ดี ๆ ได้ที่ SOMPO ตามใจ เรามีบทความดี ๆ ที่สรุปทุกเรื่องสำคัญในการดูแลรถยนต์ทั้งตัวถังและเครื่องยนต์มาไว้ให้ครบแล้ว! รวมทั้งยังบริการประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ ราคาสบายกระเป๋า มีให้เลือกทั้งแบบรายเดือนต่อเนื่อง (Subscription) และแบบรายวัน ช่วยดูแลคุณเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้ทุกที่

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ

บทความอื่นๆจากซมโปะ