หากคุณคือหนึ่งคนที่กำลังวางแผนอยากซื้อรถมือสองมาขับสักคัน หรือเป็นเจ้าของรถมือสองที่อยากจะขายแต่ก็ยังมีข้อกังวลใจเรื่องการ “โอนรถ” เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่อาจจะดูยุ่งยาก วุ่นวาย และหากทำไม่ถูกต้องก็อาจผิดกฎหมายได้ อย่างไรก็ตาม ความกังวลใจดังกล่าวจะหายไปหากได้อ่านบทความนี้ เพราะเราจะมาอธิบายว่าการโอนรถใช้เอกสารอะไรบ้าง ไปจนถึงรายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ ติดตามได้เลย
2 รูปแบบของการโอนรถที่ต้องรู้!
หากอยากรู้ว่าโอนรถใช้เอกสารอะไรบ้าง ก็ต้องเริ่มจากทราบถึง 2 รูปแบบการโอนรถที่แตกต่างกันเสียก่อน เพื่อปูพื้นฐานเกี่ยวกับการทำนิติกรรมประเภทนี้ให้กระจ่างยิ่งขึ้น
- โอนรถตรง: คือการที่ผู้โอนและรับโอนไปดำเนินการโอนรถที่สำนักงานขนส่งด้วยตัวเอง โดยนำเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็นในการโอนรถไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารครบถ้วนแล้ว จะดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถจากชื่อผู้โอนเป็นชื่อผู้รับโอน และจะมีการเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในเล่มทะเบียนรถด้วย
- โอนรถลอย: สำหรับรูปแบบนี้คือการที่ผู้โอนเซ็นชื่อในเอกสารการโอนรถให้เรียบร้อยแล้ว โดยที่ยังไม่มีชื่อผู้รับโอนอยู่ในเอกสาร ซึ่งผู้รับโอนสามารถนำเอกสารการโอนรถลอยไปดำเนินการโอนรถที่สำนักงานขนส่งด้วยตัวเองในเวลาต่อมา
โอนรถตรงต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
เพื่อตอบคำถามว่าโอนรถใช้เอกสารอะไรบ้างได้อย่างครบถ้วนและถูกต้องที่สุด จำเป็นที่จะต้องแยกระหว่างการโอนตรงกับโอนลอย โดยขอเริ่มที่การโอนตรง ซึ่งเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังต่อไปนี้
- ใบคู่มือจดทะเบียนรถ หรือสมุดทะเบียนรถยนต์ฉบับจริง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถยนต์คนเก่า และเจ้าของรถยนต์คนใหม่
- สัญญาการซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- แบบคำขอโอนและรับโอน ที่มีลายมือชื่อผู้โอนเจ้าของรถเก่า และผู้รับโอนเจ้าของรถใหม่เรียบร้อยแล้ว
เอกสารทั้งหมดจะต้องเซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง โดยเจ้าของรถยนต์คนเก่าและคนใหม่ หากเอกสารใดไม่ครบถ้วนหรือผิดพลาด อาจทำให้กระบวนการโอนรถล่าช้าได้
โอนรถลอยต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
เนื่องจากความแตกต่างด้านความหมายในเชิงกฎหมาย ดังนั้นเอกสารที่ใช้ในการโอนรถลอยจึงไม่เหมือนกับการโอนตรงเสียทีเดียว โดยมีรายการดังต่อไปนี้
- หนังสือสัญญาซื้อขายรถ (เตรียมสัญญาซื้อขาย 2 ฉบับ สำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย)
- สมุดคู่มือทะเบียนรถตัวจริง
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ซื้อและผู้ขาย พร้อมกับลายเซ็นกำกับ
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อและผู้ขาย พร้อมกับลายเซ็นกำกับ
- แบบคำขอโอนและรับโอนจากกรมการขนส่งทางบก พร้อมลายเซ็นถูกต้องของเจ้าของรถคนล่าสุด
นอกจากนี้ ผู้ซื้อควรขอสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขายเอาไว้ด้วย เพื่อใช้ยืนยันในกรณีที่เกิดคดีความก่อนที่จะมีการโอนอย่างถูกต้อง
การโอนรถลอยมีข้อดีคือ ผู้ขายไม่ต้องไปทำเรื่องโอนที่กรมการขนส่งทางบกให้เสียเวลา และได้รับเงินจากการขายรถทันทีเมื่อทำการโอนลอยเสร็จ อย่างไรก็ตาม การโอนรถลอยยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง หากผู้ซื้อยังไม่ไปจดทะเบียนโอนรถภายใน 15 วันทำการ เจ้าของรถคนเก่าอาจต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถคันนั้น ดังนั้น ผู้ซื้อควรรีบไปจดทะเบียนโอนรถให้เรียบร้อยภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยและสิทธิประโยชน์ของตนเอง
ขั้นตอนการโอนรถ
ถึงแม้เอกสารที่ต้องเตรียม และผลทางกฎหมายระหว่างการโอนรถตรงกับการโอนลอยจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ทว่า ขั้นตอนในการโอนมีความใกล้เคียงกัน โดยสามารถสรุปเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปนี้
- ผู้โอนและผู้ซื้อไปยื่นคำขอโอนรถที่สำนักงานขนส่ง โดยนำเอกสารที่เตรียมไว้ให้ครบถ้วน
- เจ้าหน้าที่จะตรวจเอกสารและตรวจสอบรถว่าตรงตามที่ระบุในเอกสารหรือไม่
- หากเอกสารครบถ้วนและรถตรงตามที่ระบุในเอกสาร เจ้าหน้าที่จะออกใบคู่มือจดทะเบียนรถให้แก่ผู้ซื้อ
- ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมการโอนรถ
- ผู้ซื้อจะต้องนำรถไปตรวจสภาพที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน
- เมื่อนำรถไปตรวจสภาพแล้ว เจ้าหน้าที่จะออกใบรับรองการตรวจสภาพรถให้กับผู้ซื้อ
- ผู้ซื้อนำใบรับรองการตรวจสภาพรถไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานขนส่ง
- เจ้าหน้าที่จะออกใบคู่มือจดทะเบียนรถให้แก่ผู้ซื้ออีกครั้ง
เรื่องน่ารู้อื่น ๆ ในการโอนรถ
- ระยะเวลาในการดำเนินการโอนรถ ขึ้นอยู่กับปริมาณงานของสำนักงานขนส่ง โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
- ในการโอนรถควรตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วน และควรตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีก่อนทำการโอน
- หากผู้รับโอนดำเนินการโอนรถแบบโอนลอยไม่ครบถ้วน อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น ผู้รับโอนอาจนำรถไปเกี่ยวข้องกับคดีความต่าง ๆ และอาจส่งผลกระทบต่อผู้โอนได้
ค่าธรรมเนียมในการโอนรถ
ค่าธรรมเนียมในการโอนรถ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ
- ค่าธรรมเนียมการโอนรถ คิดเป็นเงิน 500 บาท โดยไม่ขึ้นอยู่กับราคาประเมินของรถ
- ค่าตรวจสภาพรถ คิดเป็นเงิน 200 บาท โดยไม่ขึ้นอยู่กับราคาประเมินของรถ
นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการโอนรถ เช่น ค่าอากรแสตมป์ ค่าคำขอโอน ค่าคัดสำเนาเอกสาร เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับราคาประเมินของรถ โดยสามารถคำนวณได้จากสูตรดังนี้
- ค่าอากรแสตมป์ = 0.01% x ราคาประเมินของรถ
- ค่าคำขอโอน = 5 บาท
- ค่าคัดสำเนาเอกสาร = 10 บาท/หน้า
เมื่อได้ทราบแล้วว่าโอนรถใช้เอกสารอะไรบ้าง ซึ่งถ้าหากเตรียมมาถูกต้อง และทำตามขั้นตอนก็ย่อมอุ่นใจได้ ส่วนถ้าอยากอุ่นใจในการขับขี่ที่มากขึ้น ขอแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ 2+ กับ SOMPO ตามใจ ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ให้คุณอุ่นใจทุกครั้งที่ขับขี่ เลือกปรับเปลี่ยนวงเงินความคุ้มครองได้เองทั้งหมด คุณจึงเลือกรับความคุ้มครองได้คุ้มกว่า และตรงใจมากกว่าการเลือกจากแผนประกันทั่ว ๆ ไป
About The Author
บทความอื่นๆจากซมโปะ