หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดของผู้ขับขี่ยานพาหนะอย่าง “รถ” ทุกประเภทต้องรู้ คือ “ป้ายสัญลักษณ์การจราจร” (Traffic Sign) เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน และที่สำคัญจะต้องจำให้ขึ้นใจ พร้อมปฏิบัติตามป้ายจราจรอย่างเคร่งครัดเสมอเมื่อพบเห็น อย่างไรก็ดี นักขับขี่มือใหม่หลาย ๆ คนก็อาจจะยังสับสนกับรูปสัญลักษณ์จราจรบางรูป ในวันนี้เราจึงได้ลิสต์มาให้ทั้งหมด 5 สัญลักษณ์ที่มักจำสับสน พร้อมความรู้ขั้นพื้น

สัญลักษณ์การจราจรมีความสำคัญอย่างไรบ้าง

ความสำคัญของสัญลักษณ์การจราจร ทำไมต้องจำและใส่ใจ?

สัญลักษณ์การจราจร คือ ป้ายหรือเครื่องหมายที่ติดตั้งไว้บนผิวจราจร หรือริมถนน เพื่อแจ้งข้อมูลหรือให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้รถ ใช้ถนน โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อจัดระเบียบการจราจรให้อยู่ในกฎเกณฑ์ และสร้างความเคารพระหว่างกันและกันของผู้ขับขี่ โดยสามารถแจกแจงเป็นประเด็นความสำคัญย่อย ๆ ดังนี้

ช่วยทำให้การจราจรบนท้องถนนมีระเบียบ

ป้ายสัญลักษณ์จราจรทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อบังคับให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งถือเป็นการจัดระเบียบการจราจรตามหลักสากลโลก โดยในประเทศไทยจะมีโทษทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ที่ละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามสัญลักษณ์ที่พบเจอ

ช่วยหลีกเลี่ยงและลดการเกิดอุบัติเหตุ

นอกจากจะช่วยจัดระเบียบการจราจรแล้ว ป้ายสัญลักษณ์ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องหมายเตือน เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวัง ป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งถ้าหากผู้ขับขี่ไม่ใส่ใจสัญลักษณ์เตือนก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น ป้ายเตือนทางโค้ง ป้ายเตือนทางแยก ป้ายเตือนทางข้าม และแน่นอนว่าไม่ได้เสียหายแค่กับรถยนต์หรือผู้ขับขี่เท่านั้น แต่อาจลามไปยังบุคคลที่สามที่อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุอีกด้วย

เพิ่มความคล่องตัวทางด้านการจราจร

นอกจากนี้ป้ายจราจร ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ข้อมูลหรือคำแนะนำแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น ป้ายบอกทาง ป้ายบอกระยะทาง หรือป้ายบอกทางพิเศษ ซึ่งถ้าผู้ขับขี่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสัญลักษณ์การจราจรบนป้ายประเภทต่าง ๆ ก็จะสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง

ประเภทของป้ายสัญลักษณ์การจราจร

จากที่ได้เห็นไปแล้วว่าป้ายการจราจรนั้นมีความสำคัญค่อนข้างมาก ในทุก ๆ ด้านเกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพการขับขี่ ส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับหรือผู้โดยสารก็ควรจะต้องมีความเข้าใจประเภทป้ายการจราจรที่แตกต่างกันออกไป เพื่อช่วยให้สามารถใช้ถนนได้อย่างอุ่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางหรือเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันจากความไม่รู้นั่นเอง สำหรับประเภทของป้ายสัญลักษณ์การจราจร จะสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  • ป้ายสัญลักษณ์บังคับ เป็นป้ายที่ให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามข้อกำหนด เช่น ป้ายห้ามเลี้ยวซ้าย ป้ายห้ามจอด ป้ายห้ามแซง เป็นต้น หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับหรือจำคุก
  • ป้ายสัญลักษณ์เตือน เป็นป้ายที่แจ้งเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น ป้ายทางโค้ง ป้ายทางแยก ป้ายทางข้าม เป็นต้น
  • ป้ายสัญลักษณ์แนะนำ เป็นป้ายที่ให้ข้อมูลหรือคำแนะนำแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน เช่น ป้ายบอกทาง ป้ายบอกระยะทาง ป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น

5 ป้ายที่คนขับขี่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับรูปสัญลักษณ์จราจร

 

รวมป้ายสัญลักษณ์การจราจรที่คนมักเข้าใจผิด


1. ป้ายห้ามจอด VS ป้ายห้ามเข้า

เริ่มต้นที่ป้ายห้ามจอด VS ป้ายห้ามเข้า เพราะทั้งสองป้ายมีรูปสัญลักษณ์จราจรเป็นวงกลมเหมือนกัน แต่แตกต่างตรงสีพื้นหลังและเส้นขีดคาด เพราะ “ป้ายห้ามจอด” จะมีพื้นหลังสีน้ำเงิน และมีเส้นสีแดงขีดคาดข้างเดียว ส่วน “ป้ายห้ามเข้า” จะมีพื้นหลังสีแดง และมีขีดสีขาวแนวนอนอยู่ตรงกลางขีดเดียวนั่นเอง ด้วยความใกล้เคียงอาจทำให้ผู้ขับขี่มือใหม่ หรือคนที่ขับแบบรีบ ๆ ก็อาจจะทำให้สับสนจนทำผิดกฎจราจรได้

2. ป้ายทางคดเคี้ยว VS ป้ายถนนลื่น

ด้วยรูปลูกศรที่เป็นเส้นคดเคี้ยวไปมาของทั้งสองป้าย จึงทำให้คนขับเกิดอาการมึนงงได้ไม่ยาก แต่ให้จำง่าย ๆ ว่า “ป้ายบอกทางคดเคี้ยว” จะมีลูกศรเพียงอย่างเดียว ส่วน “ป้ายบอกถนนลื่น” จะต้องมีรถเป็นส่วนประกอบ ที่สำคัญต้องท่องแล้วจำให้ขึ้นใจ เพราะป้ายทางคดเคี้ยวถือได้ว่าเป็นป้ายแจ้งเตือนที่อันตราย หากไม่รู้ความหมายก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้นั่นเอง

3. ป้ายทางเบี่ยง

สำหรับ “ป้ายทางเบี่ยง” ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งป้ายการจราจรที่ถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง เพราะมีรูปที่ลักษณะคล้ายกับสะพานและน้ำ จนทำให้ถูกเข้าใจได้ว่าเป็นป้ายบอกสะพานมากกว่าทางเบี่ยงที่อันตราย จนบ่อยครั้งก็กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกัน

4. ป้ายให้รถสวนทางมาก่อน

“ป้ายให้รถสวนทางมาก่อน” เป็นป้ายสัญลักษณ์การจราจรที่มีลูกศรสีแดงและสีดำชี้สลับทิศทางกัน พบเห็นได้บ่อยในทางแคบหรือเส้นทางที่เดินรถได้ทีละคันเท่านั้น แต่ด้วยการจัดวางของรูปสัญลักษณ์จราจร จึงทำให้เกิดความสับสนได้ว่าลูกศรสีไหนให้ไปก่อน และสีไหนต้องหยุด ดังนั้น จึงต้องจำให้ขึ้นใจเลยว่าหากลูกศรสีแดงอยู่ฝั่งเดียวกับคุณ คุณต้องหยุดรถให้รถที่สวนมาได้ไปก่อนนั่นเอง

5. ป้ายเตือนกระโดด

ปิดท้ายกันที่ “ป้ายเตือนกระโดด” ที่มีรูปลักษณ์มีภูเขา จนทำให้คนเข้าใจผิดได้ว่าทางข้างหน้าเป็นทางขึ้นภูเขา แต่จริง ๆ แล้วป้ายนี้เป็นป้ายเตือนว่า ถนนด้านหน้าจะมีเนินเตี้ย ๆ ให้ชะลอและขับรถอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายนั่นเอง

ถึงแม้จะเรียนรู้และเข้าใจป้ายสัญลักษณ์การจราจรดีแค่ไหน แต่โอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ อุ่นใจกว่าเพียงทำประกันรถยนต์กับ SOMPO ตามใจ เลือกปรับแผนได้ตามใจอย่างประกันรถยนต์ประเภท 3 พร้อมให้เลือกจ่ายเบี้ยได้อย่างยืดหยุ่นแบบรายเดือน ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน

 

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ

บทความอื่นๆจากซมโปะ